Polestar 3 “เอสยูวีไฟฟ้าสมรรถนะสูงตามหลักอากาศพลศาสตร์” และมค่าสัมประสิทธิ์เพียง 0.29 ซึ่งมันไม่ได้ดีที่สุดในกลุ่ม รถหรูกลุ่มนี้ – Mercedes-Benz EQS SUV (0.20), Tesla Model X (0.24) และBMW iX (0.25) ล้วนมีค่าต้านอากาศที่ดีกว่า แต่แน่นอนรถคันนี้ก็ถือเป็นรถในคู่แข่งกลุ่มนี้ ที่ Volvo หมายหมั่นปั้นมือมาท้าชิง
รถ SUV ไฟฟ้า: นำเสนอโดยแบรนด์ Polestar ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัทรถยนต์ Volvo และ Geely ของสวีเดน
แพลตฟอร์ม: จะถูกสร้างบนแพลตฟอร์ม Compact Modular Architecture (CMA) ซึ่งถูกแชร์กับรถยนต์ไฟฟ้าของโวลโว
ดีไซน์: รถยนต์ Polestar มักมีดีไซน์ที่หรูหราและทันสมัยโดยให้ความสำคัญกับความสวยงามและความเร็ว พร้อมแรงต้านอากาศที่ต่ำ ใกล้ๆกับรถ หรูระดับ TOP
เทคโนโลยี: รถยนต์ Polestar มีเทคโนโลยีที่ขั้นสูง เช่น หน้าจอสื่อบันเทิงขนาดใหญ่ ระบบช่วยการขับขี่ และการอัปเดตซอฟต์แวร์ผ่านอินเทอร์เน็ต
ตารางเปรียบเทียบ Spec รถในกลุ่มนี้
รุนรถ | แบต | แรงม้า | วิ่งได้ไกล | การชาร์จไว |
Audi E-Tron | 95.0-kWh | 355 HP / 414 LB-FT | 360 กิโลเมตร | 150 Kilowatts |
BMW iX xDrive50 | 111.5-kWh | 516 HP / 564 LB-FT | 521 กิโลเมตร | 195 Kilowatts |
Cadillac Lyriq | 102.0-kWh | 340 HP / 325 LB-FT | 500 กิโลเมตร | 190 Kilowatts |
Mercedes EQS SUV | 108.4-kWh | 536 HP / 633 LB-FT | 458 กิโลเมตร | 200 Kilowatts |
Polestar 3 | 111.0-kWh | 517 HP / 671 LB-FT | 480 กิโลเมตร | 250 Kilowatts |
Rivian R1S | 135.0-kWh | 835 HP / 908 LB-FT | 500 กิโลเมตร | 220 Kilowatts |
Tesla Model X | 100.0-kWh | 670 HP / 712 LB-FT | 560 กิโลเมตร | 200 Kilowatts |
เมื่อพูดถึงประสิทธิภาพ: ภายใต้ตัวถังของ Polestar 3 นั้น
มีสถาปัตยกรรม EV ขนาด 400 โวลต์ ซึ่งประกอบด้วยชุดแบตเตอรี่ขนาด 111.0 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง (ความจุที่ใช้งานได้ 107.0 กิโลวัตต์ชั่วโมง) และมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว นั่นทำให้ Polestar 3 มีระยะทางประมาณ480 กิโลเมตร ในสหรัฐอเมริกาตาม EPA โดยมีความสามารถในการชาร์จเร็ว DC 250 กิโลวัตต์ซึ่งจะชาร์จแบตเตอรี่จาก 10 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ในเวลาเพียง 30 นาที
การตั้งค่ามอเตอร์คู่ดังกล่าวทำให้ Polestar 3 มีกำลัง 489 แรงม้า และแรงบิด 620 นิวตันเมตร โดยมีความสามารถในการวิ่ง 0-100 กิโลเมตร ต่อชั่วโมงใน 4.9 วินาที การเพิ่มแพ็คเกจ Performance มูลค่า 6,000 เหรียญสหรัฐฯ จะทำให้ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 517 แรงม้า และแรงบิด 671 นิวตันเมตร และช่วยให้เวลา0-100 กิโลเมตร ลดลงเหลือ 4.5 วินาที ในขณะที่ชุด Performance ยังเพิ่มล้อใหม่ขนาด 22 นิ้ว ยาง Pirelli P-Zero มาตรฐาน (265 หน้าและ 295 ด้านหลัง) โดยรุ่น Performance จะแรงขึ้นแต่ระยะทางก็ลดลงเช่นกัน ลดระยะการวิ่งโดยประมาณเหลือ 420 กิโลเมตร เนื่องจากมีล้อขนาดใหญ่ขึ้น
หน้าจอสัมผัสขนาด 14.5 นิ้ว อยู่ตรงกลาง ใช้ระบบปฏิบัติการ Android Automotive เวอร์ชันล่าสุดของ Polestar การตั้งค่ามี Google Maps ในตัว, ระบบสั่งงานด้วยเสียงของ Google, การอัปเดตแบบ over-the-air และขณะนี้มีฟังก์ชัน Apple CarPlay แบบไร้สายสำหรับผู้ใช้ iPhone ทุกคน
โดยนจะใช้ Bowers & Wilkins พร้อมลำโพง 25 ตัว ประตูแบบ soft-close พวงมาลัยปรับอุณหภูมิได้และเบาะหลัง และ ล้อขนาด 22 นิ้ว. Pilot Pack จะได้ใช้ระบบความปลอดภัยใหม่ของ Polestar ซึ่งรวมถึง Pilot Assist (ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับได้ขั้นสูงของ Polestar พร้อมหยุดและไปได้ถึง 80 ไมล์ต่อชั่วโมง) ระบบช่วยจอดรถ และจอแสดงผลบนกระจกหน้าคนขับ
Polestar 3 จะเปิดตัวในรุ่นวิ่งระยะไกลโดยเฉพาะ ปัจจุบัน Polestar 3 มีราคาเริ่มต้นที่ 85,300 เหรียญสหรัฐฯ ( ราว 2.9 ล้าน บาท ) ส่วนรุ่น Performance pack ราคาอยู่ที่ 91,300 เหรียญสหรัฐฯ ( ราว 3.3 ล้าน บาท )
ขณะนี้ Polestar กำลังเปิดรับการสั่งซื้อล่วงหน้าสำหรับทั้ง 3 รุ่น แต่จะสามารถส่งมอลให้แก่ลูกค้ากลุ่มแรกในช่วงปลายปี 2023
อ้างอิงค์ : https://www.motor1.com/news/615763/polestar-3-electric-suv-range-performance/